วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ที่มาของความคิดที่จะทำเรื่อง พลังจิต




ข้อมุลอ้างอิง
ขั้นตอนของการฝึกสมาธิ
(๑) สนใจ คุณต้องมีเป้าหมายที่แน่นอนเสียก่อนว่าคุณมีความสนใจในสิ่งใด

(๒) สติ เมื่อคุณมีจุดที่คุณสนใจแล้ว คุณก็จะต้องคอยใช้สติควบคุมจิตใจให้จดจ่ออยู่แต่ในเรื่องที่คุณสนใจเพียงอย่างเดียว ตัดการรับรู้เรื่องอื่นออกไปให้หมด
สติเมื่อรวมตัวกันเข้ามากขึ้นก็จะกลายเป็นสมาธิ

(๓) สมาธิ เมื่อสมาธิเกิดขึ้นจิตใจของคุณจะสามารถควบคุมความคิดของคุณทั้งหมด
ให้อยู่ในสิ่งที่คุณต้องการคิดเพียงอย่างเดียวคุณจะเกิดความสงบในจิตใจอย่างที่คุณไม่เคยเป็นมาก่อนเลย  มันเป็นความสงบที่แฝงไว้ด้วยพลังเงียบ 
เหมือนความสงบของลูกระเบิด ที่ร้ายแรงที่มีอานุภาพในการทำลายสูงมากและพร้อมที่จะนำออกมาใช้ได้ทันทีที่คุณต้องการ สมาธิเมื่อรวมตัวกันเข้ามากขึ้นก็จะเกิดเป็นพลังงาน

(๔) พลังงาน หรือพลังจิต เมื่อคุณสามารถควบคุมสมาธิของคุณได้นานพอและแน่วแน่พอ เมื่อถึงจุดๆหนึ่งซึ่งคุณจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าในตัวของคุณมีพลังแฝงชนิดหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว  และคุณสามารถที่จะรับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของมันได้ 
มันเป็นพลังงานที่มหัศจรรย์มากเป็นพลังงานทางจิตที่เราเรียกว่า 
พลังอำนาจจิต ที่คุณไม่สามารถมองเห็น  แต่สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ทั้งในทางโลกและทางธรรม

การฝึกสมาธินี้สามารถฝึกได้ทุกเพศทุกวัยและทุกศาสนา ไม่จำกัดว่าคุณจะมีความรู้ในระดับใด  เพื่อให้คุณเข้าใจดียิ่งขึ้นผมขอทบทวนอีกสักครั้งดังนี้
สนใจ เมื่อคุณสนใจสิ่งใดก็ให้ใช้สติคอยควบคุมมันไว้
สติ เมื่อควบคุมจับเป้าหมายที่คุณสนใจได้นานพอ สติก็จะรวมตัวกันเป็นสมาธิ
สมาธิ เมื่อควบคุมสมาธิได้นานพอก็จะรวมตัวกันกลายเป็นพลังงาน (พลังอำนาจจิต)
พลังงาน (พลังอำนาจจิต) เป็นเสมือนพลังหรือกำลังภายในที่เราจะนำออกมาใช้ได้

เรามาศึกษาวิธีการสร้างลูกบอลพลังจิต (ไซบอล)ตามวิธีของ Peebrain โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. กำหนดตำแหน่งว่า จะสร้างพลังที่ไหน เช่น ที่มือทั้งสองข้าง ที่ตาที่สามระหว่างคิ้ว หรือ ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เช่น เมืองจีน



ตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่จะนิยมเลือก หรือ นิยมฝึกกัน คือ ที่มือทั้งสองข้าง

การวางตำแหน่งมือที่นิยมทำกัน จะมี 3 แบบใหญ่ๆ ดังภาพ



คุณสามารถที่จะเลือกท่ามือของคุณเอง หรือ จะเลือกจากภาพทั้งสามดังกล่าวกได้ จากนั้นเราจะไปสุ่ขั้นที่สองกัน
ขั้นตอนที่สอง คือ การเลือกแหล่งกำเนิดพลังงาน
คุณสามารถเลือกแหล่งกำเนิดพลังงานจากที่ไหนก็ได้ เช่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ โลก หรือ แม้แต่จากตัวคุณเอง
เพียงแต่ถ้าคุณเลือกแหล่งพลังงานจากตัวคุณเอง จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเร็ว



หากคุณต้องการพลังงานที่มีความร้อน อาจเลือกแหล่งพลังงานจากดวงอาทิตย์
หากคุณต้องการพลังงานที่มีความเย็น อาจเลือกแหล่งพลังงานจากดวงจันทร์
หากคุณไม่สนใจอุณหภูมิ อาจเลือกพลังงานจากโลก
สิ่งต่างๆเหล่านี้เพียงแค่ โดยใช้หลักการจากความนึกคิดเท่านั้น

ขั้นตอนที่สาม การดึงพลังงานจากต้นกำเนิดพลังงาน

ขั้นตอนการดึงพลังงานเป็นขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน เพียงแค่คุณใช้ความนึกคิด กำหนดจิตสร้างมโนภาพว่า พลังงานกำลังไหลจากต้นกำเนิดพลังงานมาล้อมรอบตัวคุณ หรือ เข้ามาในตัวคุณ
บางคนอาจหลับตากำหนดภาพ บางคนอาจไม่หลับตา คุณอาจจะลองทั้งสองแบบคือทั้งหลับตาและไม่หลับตา แล้วดดูว่าแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด เช่น
คุณอาจหลับตานึกถึงภาพว่า


1. คุณกำลังยืนอยู่บนโลก โลกกลมๆ มีศูนย์กลางพลังงานที่ตรงกลางโลก 
2. จากนั้นพลังงานจากศูนย์กลางโลกไหลออกมาที่ผิวโลก ผ่านผืนดินตรงมาที่เท้าของคุณ 
3. พลังงาน ไหลเข้ามาที่ปลายเท้าคุณ และเข้าสู่ร่างกายของคุณผ่านทางเท้า
วิธีการดึงพลังงานนั้น ไม่มีขีดจำกัด คุณสามารถจินตนาการตามที่คุณต้องการ เรามาลองดูตัวอย่างเพิ่มเติมกันต่อไป เช่น

* กำหนดภาพว่า แหล่งพลังงานเสมือนมีช่องเสียบไฟฟ้า และตัวคุณเสมือนมีปลั๊กเสียบเข้าไป เหมือนการเสียบสายเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วดึงพลังงานจากแหล่งกำเนิดพลังงาน

* กำหนดภาพว่า แหล่งพลังงานอยู่เหนือตัวเรา แล้วพลังงานไหลลงมาเหมือนน้ำตก ไหลเข้าสู่ตัวเรา

* กำหนดภาพว่า แหล่งพลังงานอยู่เหนือตัวเรา คล้ายกับก้อนเมฆ แล้วเกิดแสงพุ่งออกมา เข้ามาสู่ตัวเรา

* กำหนดภาพว่า แหล่งพลังงานกำลังส่งพลังงานก้อนใหญ่ให้คุณ และคุณกินพลังงานนั้นเข้าไป

สรุปคือ คุณสามารถกำหนดภาพตามรูปแบบที่คุณถนัดและเหมาะสม ให้สามารถดึงพลังงานจากสิ่งนั้นได้ และได้รับพลังงานในรูปแบบต่อเนื่อง ซึ่งหากชำนาญอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที หรือ หากยังไม่ชำนาญอาจใช้เวลาหลายนาทีเพื่อให้รู้สึกว่าได้รับพลังงานจากแหล่งต้นกำเนิดอย่างต่อเนื่อง

ขั้นตอนที่สี่ การสร้างบอลพลังจิต PSI ball
เรายังคงพลังงานจากแหล่งกำเนิดอย่างต่อเนื่อง สร้างความรู้สึก ชักนำพลังงานที่เข้ามาสู่ร่างกายนั้น ให้ไปในตำแหน่งที่เรากำหนดไว้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก เช่น ที่ระหว่างมือทั้งสองข้าง โดยกำหนดภาพให้พลังงานนั้นรวมตัวกันเป็นก้อนกลม
พยายามใช้ระบบประสาทสัมผัสต่างๆประกอบกับภาพที่เราสร้างขึ้น เช่น รู้สึกถึงการไหลของพลังงานผ่านไปตามส่วนต่างๆของร่างกายไหลไปที่มือทั้งสองข้าง หรือ อาจจะสัมผัสถึงเสียง เป็นขั้นตอนเริ่มต้นในการฝึกการรับสัมผัสของพลังงาน
ขั้นตอนที่ห้า คือ การเพิ่มพลังงานให้บอลพลังจิต
การเพิ่มพลังงานให้บอลพลังจิตนั้นมีสองวิธี คือ
1. การเพิ่มขนาดของบอลพลังจิต โดยยังคงความหนาแน่นเท่าเดิม


 2. การเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน (  ขนาดเท่าเดิมแต่หนาแน่นขึ้น )

ทั้งสองวิธีนั้น สามารถทำได้โดยการกำหนดภาพตามปกติ คือ กำหนดภาพให้บอลพลังจิตขยายใหญ่ขึ้น หรือ กำหนดภาพให้บอลพลังจิตหนาแน่นขึ้น
เมื่อคุณทำมาถึงขั้นที่ห้า เท่ากับคุณได้สำเร็จขั้นต้นของการฝึกพลังจิตแบบหนึ่ง



=====


เทคนิคสั่งจิตใต้สำนึกนั้นก็มีมากมาย เช่นการสะกดจิตตัวเองซึ่งแตกเทคนิคออกไปอีกเยอะ,การสวด,เพลง,ไปจนถึงเวทย์มนตร์คาถา,รวมถึงการใช้ยา(ซึ่งผมไม่แนะนำให้ใช้เลย) ส่วนเทคนิคที่ผมชอบที่สุด เป็นเทคนิคการสะกดจิตตัวเอง ซึ่งผมจะบอกวิธีที่ผมชอบที่สุดให้คุณสัก2-3วิธี



MIND SCREEN/POSITIVE IMAGINATION

1. ผ่อนคลายร่างกายให้หมดทุกเซลด้วยเทคนิคการผ่อนคลายที่ถนัด(สามารถอ่านได้ในบทที่แล้ว)
2. ห้ามเกร็ง โดยเฉพาะที่หว่างคิ้วจะเกร็งง่ายมากต้องระวัง หลับตาแล้วกำหนดเห็นภาพในใจ เป็นภาพพื้นที่สีขาวๆ นี่จะทำหน้าที่เป็นจอหนัง
3. บนพื้นที่สีขาว เริ่มกำหนดภาพสิ่งที่เราต้องการให้เกิด เช่นสมมุติเราอยากไปเชียงใหม่ ก็สร้างหนัง "เราอยู่ในเชียงใหม่" โดยควรจะเป็นหนังที่มีรายละเอียดสูงที่สุด(อย่าลืม ห้ามเกร็ง ห้ามขมวดคิ้ว) ตั้งแต่สถานที่ เสียง แสง ผู้คน สิ่งแวดล้อม ตัวประกอบ เห็นคุณกำลังทำสิ่งที่อยากทำให้สมจริงและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้
4. เมื่อฉายหนังจบ เลิกสนใจจอหนัง สนใจร่างกายของคุณแทน เราจะกลับสู่โหมดปกติโดยการจินตนาการถึงพลัง(อาจใช้แสงสีขาว)แล่นผ่านทั่วร่างกาย รู้สึกถึงพละกำลังที่ค่อยๆกลับมา จนทั่วแล้วค่อยๆเคลื่อนไหวจากน้อยๆเช่นกระดิกนิ้ว ขยับมือ แขน ขา แล้วค่อยๆลุกขึ้น (ถ้าเคลื่อนไหวแรงและเร็วเกินไปโดยไม่เป็นขั้นตอนอาจมีปัญหากับปราณและชีพจรได้)

หากคุณไม่ชอบวิธีนี้ ลองอีกวิธีที่ผมเคยใช้ก็ได้ครับ
MANTRA
1. ผ่อนคลายร่างกายให้หมดทุกเซลด้วยเทคนิคการผ่อนคลายที่ถนัด(สามารถอ่านได้ในบทที่แล้ว)
2. พูดสิ่งที่ต้องการในใจ เช่นเราได้เข้าเรียนในคณะ โดยใช้คำพูดที่ง่ายและเป็นประโยคบอกเล่า ห้ามใช้ประโยคปฏิเสธิหรือประโยคอนาคต
3. ท่องซ้ำๆพร้อมกับผ่อนคลายไปจนกว่าจะหลับ

ทั้งสองวิธีนี้ ให้ทำเป็นประจำไปเรื่อยๆครับ แล้วคุณจะพบว่า มันได้ผล
ตอนนี้คุณได้เรียนรู้วิธีใช้อำนาจจิตทำงานให้เกิดสิ่งที่เราต้องการแล้ว ซึ่งจริงๆแล้วนี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดกว่าพลังจิตชนิดอื่นๆทั้งหมด เพราะอะไรน่ะหรือครับ คุณคิดดูถ้าหากเรามีพลังเยอะแยะ อ่านใจคนได้ รักษาโรคได้ เห็นวิญญาน หรือแม้แต่เหาะได้ แต่เราไม่สามารถจัดการกับชีวิตเราได้ เราก็เหมือนกับคนทั่วๆไป ขอทานก็มีความทุกข์อย่างขอทานได้ นักธุรกิจก็มีความทุกข์ของเขา ดาราก็มีปัญหาแบบดาราได้ ราชาก็มีความทุกข์ของเขาได้ ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพอะไร เก่งแค่ไหน ถ้าเราจัดการกับชีวิตไม่ได้ ทุกคนก็แย่พอๆกันนั่นแหละครับ ดังนั้นความสามารถในการดลบันดาลเหตุการณ์ในชีวิต สำคัญกว่าพลังจิตชนิดอื่นทั้งหมด บอกตรงๆถ้าคุณใช้พลังจิตอื่นไม่ได้เลยแต่ใช้พลังจิตpositive imaginationนี้ได้ผมว่าคุณได้ประโยชน์ไปเยอะแล้ว

สำหรับบางคนอาจสงสัย ว่าทำแบบนี้แล้วก็ได้ผลเนี่ยนะ? คำตอบคือ ใช่ครับ แต่การได้ผลมันไม่เหมือนหนังพวกแฮรี่พอตเตอร์หรอกครับ ไม่มีอะไรง่ายขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเราอยากรวยแล้วพอทำแบบนี้ มันจะมีควันออกมาพรึ่บ! แล้วมีเงินกระสอบนึงออกมาจากควัน...ไม่มีทางสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรานั่นแหละครับที่เปลี่ยน เราจะไปทำสิ่งที่จำเป็นและถูกต้องในการได้เงินกระสอบนั้นมา

แล้วมันต่างกันตรงไหน? บางคนอาจคิดว่า แบบนี้ไม่เห็นต้องใช้พลังจิตเลย ก็ขยันทำงานไปสิ เดี๋ยวก็รวย แต่ผมว่าไม่แน่ครับ ผมเคยเห็นมามากแล้ว ที่คนขยันจัดๆและฉลาดสุดๆ แต่ยังไงก็ไม่รวย มันมีเหตุให้จนทุกทีสิน่า เราจะรู้ได้ยังไงว่าขยันทำงานแบบนั้นแบบนี้แล้วรวยแน่ ใครจะไปรู้?
วิธีที่คุณทำ ไม่สำคัญเท่าจิตที่คุณใช้ทำหรอกครับ และนั่นคือสิ่งที่บทนี้พูดถึง



สุดท้าย ผมอยากจะบอกกฏการใช้พลังจิตอีกข้อหนึ่งให้คุณ นั่นคือ คุณทำได้แค่เลื่อนหรือเปลี่ยนรูปแบบของการเผชิญกรรม แต่ไม่มีพลังจิตชนิดไหนเอาชนะกรรมได้ครับ



สรุป
1.เคล็ดลับและกฏข้อแรกของการใช้พลังจิต คือ FOCUS AND RELAX

2.การโฟกัสต้องโฟกัสทั้งในจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก
3.การกำหนดเหตุการณ์ในชีวิต เป็นพลังจิตที่สำคัญที่สุด
4.ไม่มีพลังจิตใดชนะกรรมได้ ทำได้เพียงเลื่อนหรือเปลี่ยนรูปแบบเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น